สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ทางเว็บไซต์ khaotv.online ยินดีนำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที รวมถึงมือถืออย่างเต็มความรู้สึกอีกครั้ง ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้งานมือถือแอนดรอยด์ในปี 2025
ตอนนี้มีวิธีเพิ่มความเร็วให้กับ iOS แล้ว คุณไม่ควรพลาดวิธีเพิ่มความเร็วให้กับสมาร์ทโฟน Android อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนไประยะหนึ่ง ไม่ว่าจะอัปเดตข้อมูลเพิ่มหรือแคชไฟล์ ไฟล์ขยะ และข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่อง ล้วนทำให้เครื่องเกิดอาการแล็กหรือช้าลง จนไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทีมงาน Khaotv.online ขอเสนอวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้สมาร์ทโฟน Android ทำงานเร็วขึ้น
วิธีเพิ่มความเร็วให้กับโทรศัพท์ Android ของคุณ
ก่อนอื่น สำหรับสมาร์ทโฟน Android นั้นมีหลายยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อจะมีดีไซน์ รูปแบบการใช้งาน และระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันออกไป วิธีการที่ทีมงานได้นำเสนอนั้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น โดยแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นก็จะมีวิธีการเข้าถึงเมนูหรือฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากใครต้องการติดตามต่อไปก็อาจจะต้องศึกษาเมนูหรือฟีเจอร์ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนเสียก่อน
วิธีเพิ่มความเร็วมือถือ ด้วย การเคลียร์พื้นที่เก็บข้อมูล Android

ทุกครั้งที่เปิดแอปพลิเคชัน ระบบจะจัดเก็บข้อมูลการใช้งานต่างๆ ยิ่งเราเปิดแอปพลิเคชันมากเท่าไร อุปกรณ์ก็จะใช้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น RAM จำนวนมากอาจทำให้เครื่องทำงานล่าช้าได้ รวมไปถึงการจัดเก็บไฟล์แคชและไฟล์ขยะในแอปพลิเคชันต่างๆ การจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความเร็วของสมาร์ทโฟน Android ได้
ล้างแรมหรือเพิ่มพื้นที่ภายใน

มาเริ่มกันที่วิธีเคลียร์ RAM สำหรับ Android กันก่อน โดยปกติแล้วสมาร์ทโฟน Android อย่าง Samsung จะมีแอพพลิเคชั่นหรือฟีเจอร์เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลอยู่ ซึ่งเราสามารถเข้าถึงฟีเจอร์นั้นได้โดยตรง โดยระบบจะประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณพลังงานที่สมาร์ทโฟนใช้ในขณะนั้น เมื่อเรากด Manage Data ระบบจะเคลียร์ RAM ให้เรา ทำให้เครื่องของเรากลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม
จัดการข้อมูลแอปด้วยการล้างแคช
สำหรับ Android ในแต่ละแอปพลิเคชันที่เราติดตั้งไว้ เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งก็จะมีข้อมูลการใช้งานต่างๆ อยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือไฟล์แคชและไฟล์ขยะ ซึ่งการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์เหล่านี้หรือการเคลียร์แคชนั้นสามารถทำได้แยกกันสำหรับแต่ละแอปพลิเคชัน วิธีนี้จะเข้าไปลบไฟล์แคชในแต่ละแอปพลิเคชันโดยตรง
- ก่อนอื่นให้ไปที่การตั้งค่า >> จากนั้นเลือกแอปพลิเคชันหรือ RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล >> เลือกแอป
- เราจะเห็นรายชื่อแอปพลิเคชันทั้งหมดบนอุปกรณ์ จากนั้นเราจะเลือกแอปพลิเคชันที่เราต้องการล้างแคช โดยอาจเริ่มจากแอปพลิเคชันที่ใช้บ่อย เช่น LINE, Facebook, Instagram เป็นต้น >> จากนั้นเราจะเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการ
- เมื่อคุณเลือกแอป คุณจะเห็นพื้นที่จัดเก็บของแอป รวมถึงขนาดและข้อมูลการใช้งานของแอป ดูที่ “แคช” >> จากนั้นเลือก ลบแคช
วิธีนี้เราสามารถลบแคชหรือเคลียร์แคชได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้แอปใช้พื้นที่บนอุปกรณ์มากขึ้น รวมถึงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ทโฟนของเรา ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
พื้นที่ภายในโล่งโปร่ง
นอกจากการจัดการไฟล์แคช ไฟล์ขยะ และปรับแต่งอุปกรณ์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ใน Android เอง การลบแอปพลิเคชันที่เราไม่ได้ใช้อีกต่อไปหรือใช้น้อยลงจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในอุปกรณ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้อุปกรณ์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะไม่มีข้อมูลการใช้งานที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์เสียง
เปิดใช้งานแอนิเมชั่นหน้าจอ

ประการแรกสมาร์ทโฟน Android มีระบบปฏิบัติการที่ให้ทั้งความสวยงามและฟีเจอร์ต่างๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ เมื่อเราใช้งานไประยะหนึ่ง โดยเฉพาะใน Android เวอร์ชันเก่าๆ อาจเกิดความล่าช้าและแอนิเมชั่นของระบบอาจไม่ทำงานอย่างราบรื่น การปิดแอนิเมชั่นหน้าจอจะช่วยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์และยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย หากต้องการปิดฟีเจอร์เหล่านี้ เราอาจต้องไปที่ Settings จากนั้นเลือก Screen หรือ Settings จากนั้นเลือก Effects/Touch Screen Animations
ปิดแอปพื้นหลังหรือแอปที่ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป

สมาร์ทโฟน Android ไม่มีฟีเจอร์ Background App Refresh เหมือน iPhone ที่ทำให้เราสามารถปิดแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลังได้ อย่างไรก็ตาม ใน Android แอปต่างๆ จะทำงานอยู่เบื้องหลังเมื่อเราเปิดแอปเหล่านั้นแล้วเปิดแอปอื่นๆ ต่อ เนื่องจากแม้ว่าแอปที่เราเปิดจะเปลี่ยนแปลงไป แต่แอปเหล่านั้นก็ยังคงทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานในครั้งต่อไป การปิดแอปที่ไม่ได้ใช้งานจะช่วยประหยัดทรัพยากรของอุปกรณ์ ส่งผลให้อุปกรณ์ทำงานได้ราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เลือกการ์ด SD ที่เหมาะสม
สมาร์ทโฟน Android ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้โดยใช้การ์ด SD การ์ด SD มีความจุและความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่แตกต่างกัน การเลือกการ์ด SD ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนของคุณ รวมถึงการถ่ายโอนข้อมูลบนอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการใช้หรือส่งไฟล์จากการ์ด SD
ในปัจจุบันนี้ เวลาเราซื้อสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ก็จะมีข้อมูลบอกไว้บนตัวเครื่องว่ารองรับ SD Card ได้สูงสุดกี่ความจุ โดยเราสามารถเลือกใส่ได้ตามสเปคของแต่ละรุ่นของอุปกรณ์ แต่ควรระวังอย่าใส่ SD Card ที่มีความจุเกินกว่าที่สมาร์ทโฟนกำหนด เพราะอาจส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ได้เช่นกัน
รีเซ็ตอุปกรณ์

ปัจจุบันการรีเซ็ตอุปกรณ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตั้งค่าจากโรงงานหรือการคืนค่าการตั้งค่าเริ่มต้นเท่านั้น ในสมาร์ทโฟนอย่าง Android ยังมีฟีเจอร์ในการรีเซ็ตการตั้งค่าต่างๆ อีกด้วย เพื่อช่วยให้โทรศัพท์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาได้โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องรีเซ็ตค่าทั้งหมด
- ไปที่การตั้งค่า >> จากนั้นเลือกระบบ >> เลื่อนลงไปแล้วเลือกตัวเลือก Reflash
- ในหน้าตัวเลือกการรีเซ็ต มีตัวเลือกการรีเซ็ตหลัก 4 ตัวเลือกที่ใช้ได้:
- รีเซ็ต Wi-Fi อินเทอร์เน็ตบนมือถือ และบลูทูธ: การดำเนินการนี้จะรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย รวมถึง Wi-Fi บลูทูธ VPN APN และข้อมูลเครือข่ายผู้ให้บริการมือถือ
- รีเซ็ตการตั้งค่าแอป: การดำเนินการนี้จะรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมดในแอปพลิเคชันโดยไม่สูญเสียข้อมูลการใช้งานอื่น ๆ การดำเนินการนี้จะรีเซ็ตการตั้งค่า:
- แอปพลิเคชั่นที่ถูกปิดใช้งาน
- การแจ้งเตือนการสมัคร
- แอปพลิเคชั่นเริ่มต้น
- ตั้งค่าขีดจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตเบื้องหลังของแอปต่างๆ
- ข้อจำกัดหรือการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่ตั้งไว้ในแอป
- รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด: การดำเนินการนี้จะรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมดที่เราเคยตั้งไว้ รวมถึงฟังก์ชัน ตัวเลือก การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และข้อมูลเนื้อหาที่เราได้ป้อนเข้าไป
- ลบข้อมูลทั้งหมด (รีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน): เป็นการรีเซ็ตแบบสมบูรณ์หรือรีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน เมื่อใช้ฟีเจอร์นี้ ก็เหมือนกับการได้อุปกรณ์อัจฉริยะเครื่องใหม่ และข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง หากใครต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ ขอแนะนำให้สำรองข้อมูลทั้งหมดไว้ก่อน เช่น แอป รูปภาพ วิดีโอ ไฟล์ ฯลฯ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการเพิ่มความเร็วให้กับมือถือระบบ Android สำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเก่า หรือเครื่องที่ใช้งานมานานจนอาจเกิดอาการแลค ค้าง หรือมีปัญหาต่างๆ ได้ สำหรับใครที่ไม่อยาก
ซื้อเครื่องใหม่ แต่อยากให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น และเร็วขึ้น ก็สามารถใช้วิธีที่ทีมงานแนะนำให้ลองทำดูได้เลยนะครับ