การเลือกซื้อแรมควรรู้อะไรบ้าง

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ทางเว็บไซต์ khaotv.online กลับมาพร้อมนำเสนอสาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที และมือถืออีกครั้ง โดยในวันนี้เรามีเคล็ดลับน่าสนใจที่อยากจะแชร์ให้ทุกคนได้ทราบ นั่นคือเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแรม

RAM คือส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่อัพเกรดเป็นส่วนใหญ่และมักจะเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนเครื่องในบางครั้งเพราะต้องการซื้อ RAM อีกครั้งซื้อเพื่อประกอบคอมพิวเตอร์ใหม่หรืออัพเกรดเครื่องแล้วจึงพิจารณาถึงความต้องการเฉพาะ เช่น ต้องการ RAM ประเภทใด และต้องการซื้อประเภทใดซึ่งดำเนินการวิจัยต่างๆ มากมายที่อาจทำให้ได้ประสิทธิภาพไม่มากในบทความนี้เราจะมาดู 15 คำที่มักพบในการระบุและเน้นคำที่มักจะพบ

  • ค้นหา RAM โดยไม่พลาดความเข้าใจในการสำรวจอีกครั้งเพื่อพัฒนาหรือประกอบคอมพิวเตอร์ได้…
  • มาตรฐานความจุ เช่น DIMM/SO-DIMM รวมถึง XMP และการรับประกันถือเป็นสิ่งสำคัญมากในตัวเครื่อง
  • รู้ว่าช่องทางใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ซื้อแรมพร้อมคำศัพท์น่ารู้เข้าใจง่ายซื้อให้ถูกวิธี

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเลือก RAM และส่วนเมื่อเลือกคอมพิวเตอร์คือความจุหรือพื้นที่จัดเก็บของ RAM ในปัจจุบันพูดกันเป็นหน่วยส่วนประกอบต่างๆ (หรือย่อว่า GB) พิจารณาพูดสั้น ๆ ในส่วนของคำวิจารณ์หรือจิ๊ก ดังนั้นเมื่อแสดงความจุของ RAM ที่เพิ่มขึ้น 8GB หรือ 8 การดำเนินการและการดำเนินการยิ่งจัดเก็บข้อมูลสูงในดีในกรณีที่กล่าวถึงสิ่งอื่น ๆ ของ RAM เหมือนกัน

ดีดีมีอยู่ด้วยกัน

คำย่อของ Double Data Rate เนื้อหาโดยตรงคือระบบจะตรวจสอบข้อมูลเป็นสองเท่าของสัญญาณปกติและมีความเร็วเป็นสองเท่าของ RAM รุ่นก่อนหน้ากลายเป็นมาตรฐานหลักบางประการของ RAM คอมพิวเตอร์มาจนถึงทุกวันนี้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมเพิ่มเติม 1998 ในส่วนนี้

การพัฒนาหลักๆ รวมถึงความเร็วสัญญาณนาฬิกา (ความเร็วสัญญาณนาฬิกา) ความถี่ของเวลาการเพิมของความเร็วและแบนด์วิดท์ของบัส (เส้นทางการรับสัญญาณ) และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ DDR RAM โดยปกติอย่างจะเป็นหมายเลขลำดับที่ไว้ท้ายสุด DDR2, DDR3, DDR4 ที่นี่คือ DDR5

ซื้อแรม

ขอ RAM ระบุระบุหมายเลขรุ่นของ DDR เสมอในปัจจุบันปัจจุบัน DDR4 และ DDR5 ผสมกัน DDR3 ยังมีอยู่บ้าง แต่เพื่อให้เหลือเก็บไว้เพื่อซื้อเพื่ออัพเกรดคอมพิวเตอร์ที่มีสเปกเก่ากว่าเล็กน้อยได้ประเด็นสำคัญคือไม่สามารถใช้ RAM ใน DDR ต่างจากที่ผู้เล่นรองรับได้ เช่นตรวจสอบเดสก์ท็อปเฉพาะ RAM DDR5 จะต้องซื้อ DDR5 ในการใช้งานของเรา RAM DDR4 มาแล้วมีการตรวจสอบตัวเท่านั้นรองรับทั้ง RAM DDR4 และ DDR5 ในหน่วยเดียวกันเท่าที่ผมเห็นเป็นบอร์ดจากจีน แต่บอร์ดที่ขายตามร้านค้าทั่วไปในไทยไม่มี

ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อแรมเราต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าเมนบอร์ดหรือโน้ตบุ๊กที่เรามีอยู่หรือจะซื้อนั้นใช้แรม DDR รุ่นไหนขยี้ในช่วงแรกเราจะให้แรมให้ถูกต้องและใช้งานได้ส่วนประกอบแบบเจาะลึกสามารถอ่านต่อได้เลย

ซื้อแรม

แต่บางครั้งอาจพบคำว่า LPDDR ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับมันแค่บอกว่า RAM เป็นประเภทพลังงานต่ำ (LP) ที่จะรองรับ RAM DDR รุ่นเดียวกัน เช่น:

  • DDR5 ใช้ไฟ 1.1V
  • LPDDR5 ใช้ 1.05V (แกนหลัก) และ 0.5V (I/O) ที่รักษาสูง และ 0.9V และ 0.3V ที่ความถี่ต่ำ

พิจารณาแล้ว RAM LPDDR อาจจะเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น RAM ที่ตรวจพบว่าบอร์ดส่วนใหญ่มีแท่ง RAM นั่นคือสามารถเป็นผลซึ่งจะส่งผลให้ DDR ทั่วไปเห็นโลโก้ X ที่ส่วนท้าย เช่น LPDDR4X ส่วนประกอบใช้ LPDDR4 แต่ประสิทธิภาพเล็กน้อยจะมีประสิทธิภาพต่ำอย่างประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

วี (ในกรณีนี้)

ในส่วนของแผงควบคุมนั้นอาจระบุโดยไม่ต้องเชื่อมต่อสถานะใดๆ หรือถ้าดีกว่านั้นเพื่อตรวจสอบว่าใช้เทคนิคต่างๆ ในการใช้งานจำนวนมากเมื่ออยู่ในโหมดและรองรับได้หลายส่วนซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับนักโอเวอร์คล็อกแต่โดยพื้นฐานแล้วตรวจสอบ RAM ทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามมาตรฐานของ JEDEC ในการควบคุมและออกมาตรฐานสำหรับการตรวจสอบ DDR5 ทำงานปกติจะอยู่ที่ 1.1V DDR4 ที่ 1.2V องค์กรวิจัยค่านี้ที่จุดเริ่มต้นได้เล็กน้อย

MHz และ MT/s

ระบบควบคุมของ RAM เป็นองค์ประกอบหลักที่ควบคุมการทำงานของระบบพื้นฐานโดยเขียนด้วยเนื้อหาหมายเลขความเร็วที่ส่วนท้ายของประเภท DDR เช่น DDR5-6000 สำหรับ RAM โดยทั่วไปคือ DDR5 RAM ด้วยความเร็วบัส 6000 MHz หรือ MT/s หน่วยเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงแต่สุดท้ายตัวเลขปกติ MHz คือหน่วยของสัญญาณนาฬิกาของ RAM คำนวณเป็นล้านครั้งต่อเนื่องใน DDR RAM เป็นครั้งแรกได้ทราบสัญญาณหนึ่งรอบแรกหากวัดเป็นจำนวนที่ส่งจะเท่ากับความเข้มข้นของสัญญาณนาฬิกาจริงด้วยสองชื่อ

ซื้อแรม

RAM DDR4-3200 หลังจากนั้นจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1600 MHz เอง แต่เนื่องจากการประมวลผลด้วยอัตราข้อมูลในส่วนนี้สามารถรองรับจริงได้ 1600×2 = 3200 MHz นั่นคือเลขบวก 3200 ต่อท้าย DDR4 ได้อีกครั้ง

MT/s ตรวจสอบจำนวนข้อมูลสำหรับการวัดจากจำนวนข้อมูลเพิ่มเติมและข้อมูลอ้างอิงจริงเพื่อตรวจสอบความถี่ของ RAM บ่อยครั้งเพื่อเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาเป็นบางครั้งในตัวอย่างประสิทธิภาพของ RAM DDR4-3200 สามารถเป็นข้อมูลได้ 3200 ล้านครั้งต่อวินาที จะใช้ระบบ MHz หรือ MT/s เพื่อระบุความเร็วของ RAM ได้บางครั้งอาจเจาะจงที่สุดโดยเฉพาะหน่วย MT/s อีกครั้งเพราะหากระบุเป็น MHz อาจเกิดเพราะว่านี่ระบุความถี่สัญญาณนาฬิกาจริงหรือจำนวนแกนเป็นส่วนใหญ่

ตรวจสอบรายละเอียดเพื่อตรวจสอบคุณค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือจากที่นี่อื่นๆ รวมถึงตัวเลขความเร็วอาจส่งผลให้มีการควบคุมความเร็วของเมนบอร์ดคล็อกหรือเปิดใช้งาน XMP เก็บข้อมูลไม่ใช่ความเร็วพื้นฐานในรุ่นปกติ RAM บางครั้งอาจมี (OC) อยู่ที่ส่วนท้ายของตัวเลขความเร็ว

พีซีเอ็กซ์-xxxx

ประเภทอื่นวิธีหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในการบอกประเภทและระดับของ RAM โดยจะสังเกตเห็นว่า RAM ประเภทใดและมีแบนด์วิดท์เป็น MB/s เช่น PC5-38400 นี่คือ RAM DDR5 จะมีแบนด์วิดท์ 38,400 MB/s

ส่วนใหญ่จะเห็นตัวเลขแบนด์วิดท์ไม่จำเป็นต้องเพิ่มในการแปลงกลับเป็น MT/s เพียงแค่หารตัวเลขแบนด์วิดท์ด้วย 8 อีกครั้งได้ตัวเลข MT/s ทันทีซึ่งจะรวมถึงการหาตัวเลข MHz หรือไม่ต้องทราบ MHz RAM เพียงแค่หารด้วย 2 อีกครั้ง

ตัวอย่างเช่น RAM PC5-38400 เทียบเท่ากับ DDR5-(38400/8) = DDR5-4800 หากคุณมีหมายเลข MT/s แล้วและต้องการแบนด์วิดท์จริง ให้คูณ MT/s ด้วยแปด ตัวอย่างเช่น RAM DDR4-3200 หากระบุประเภทในรูปแบบแบนด์วิดท์ ก็จะเป็น PC4-(3200×8) = PC4-25600 เท่านี้ก็เรียบร้อย

DIMM / SO-DIMM

เป็นคำศัพท์ที่ใช้บอกมิติ RAM บนบอร์ดชื่อ DIMM ย่อมาจาก Dual In-Line Memory Module ที่ต้องการชื่อมาตรฐานสำหรับขนาดบอร์ด RAM สำหรับการประมวลผลพีซี หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ DIMM คือ RAM สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับระบบ DIMM RAM เป็นครั้งแรกที่บอร์ด 133.35 มม. หรือเล็กน้อยเล็กน้อย แต่สิ่งที่แน่นอนคือจำนวนพินมาตรฐานที่เมนบอร์ดบนเมนบอร์ด เช่น DDR4 และ DDR5 มีทั้งหมด 288 พิน

ซื้อแรม

ส่วน SO-DIMM ชื่อ SO ย่อมาจาก Small Outline ซึ่งอาจรวมถึง DIMM ที่มีขนาดแผงเล็กกว่า โดยส่วนมากจะกล่าวถึง DIMM ซึ่งจะมีความยาว 67.6 มม. จำนวนพินก็เพียงเล็กน้อยเหลือ 260 พิน (DDR4) และ 262 พิน (DDR5) กลุ่มแรมนี้เป็นที่นิยมในอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กเช่น โน้ตบุ๊กเดสก์ ท็อปออลอินวันอุปกรณ์ฟอร์มแฟกเตอร์ขนาดเล็ก (SFF) และมินิพีซีรีวิวมีมาตรฐานอื่นๆ เช่น MiniDIMM สำหรับเซิร์ฟเวอร์และ MicroDIMM สำหรับโน้ตบุ๊กซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักจากตลาดหลังแรม DDR2

ดังนั้นซื้อ RAM ก่อนชื่อหรือเมื่อดูลักษณะของ DIMM ว่าเป็น RAM ภายในแชสซีแต่หากเป็น SO-DIMM หรือ SODIMM จะเป็น RAM สำหรับส่วนประกอบหรือคอมพิวเตอร์ที่มีพื้นที่จำกัดก่อนที่จะซื้อตรวจสอบก่อนว่าคอมพิวเตอร์ส่วนประกอบหรือคอมพิวเตอร์ที่ซื้อใช้ RAM ประเภทใดที่เป็นคอมพิวเตอร์แบบประกอบเองพร้อมตรวจสอบปกติจะใช้ DIMM ตรวจสอบส่วนประกอบจะใช้ SO-DIMM โทรทัศน์ (รายงาน RAM วิเคราะห์ได้) คอมพิวเตอร์แบบประกอบสำเร็จสำหรับแบบออลอินวันอีกครั้งรายละเอียดอีกครั้งเป็นเครื่องหลักหรือบางบาง หลังจากนั้นก็สูงที่จะเป็น SO-DIMM

น้ำแข็ง

สำหรับการควบคุมที่ต้องการค้นหาฮาร์ดแวร์ที่รีดสูงสุดให้กับระบบทั้งหมดการเลือกใช้ RAMถือเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในคอมพิวเตอร์ที่เน้นการควบคุมและการค้นหา RAM มาเพิ่มให้กับเครื่องมัลติฟังก์ชั่นขั้นแรกให้คุณทราบซื้อ RAM จำนวนเท่าใดก็ได้บนบอร์ดสำหรับ RAM ในปัจจุบันนี้จะต้องใช้การออกแบบของผู้ผลิตเช่นอาจ 4 8 เริ่มต้น 16 เริ่มต้นอีกครั้งและเริ่มต้นที่ RAM ที่แรกเริ่ม

เนื่องจากต้องซื้อเพิ่มให้คุณเลือก RAM ที่จำนวนมากสม่ำเสมอเพื่อความขลิบตามปกติสามารถช่วยให้สามารถทราบได้แต่เพื่อให้มั่นใจได้มากขึ้นสำหรับการซื้อ RAM แบรนด์เดียวกันประเภทเดียวกันและรุ่นเดียวกันความแน่นอนสูงสุดให้ถอดตัวเก่าออกแล้วซื้อตัวใหม่ขายเป็นชุดแทนวิธีการใช้ RAM เดิมมีคุณหลายคนเกี่ยวกับวิธีการที่จะถอดคือ RAM อาจจะดูอาจจะเป็น RAM และแผ่นอธิบาย ขอทราบรุ่นหมายเลขบนสติกเกอร์บนบอร์ด RAM หรือบนกล่องเป็นหลัก RAM โดยทั่วไปจะเป็นกี่…

แต่บางครั้งที่บางครั้งอาจหาจำนวนได้ตามปกติทางผู้ผลิตอาจแจ้งว่ารุ่น RAM นั้นมีสาเหตุมาจากการวางอยู่ด้านใดด้านของบอร์ด PCB หรือการวางรูปแบบด้านเดียวจะเรียกว่า Single Side (SS) เพื่อจะเรียกว่า Double Side (DS) ซึ่งข้อมูลนี้จำเป็นสำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ได้เพราะปกติแล้วผู้ผลิตเครื่องแต่ละรายตรวจสอบ RAM รุ่นต่างๆ ด้วยเว็บนำเสนอดีหรือไม่เพื่อให้เป็นปกติสำหรับลูกค้าเลือก RAM พิจารณาบอร์ดพร้อมการรับประกันจากบริษัท โดยรายชื่อ RAM ที่ตรวจสอบจากบริษัทเรียกว่า QVL (Qualified Vendor) รายการ)

มุมมองด้านบนสุดของระดับ QVL ของเมนบอร์ด Asrock X670E PG Lightning ทาง Asrock จะโพสต์ว่าหลังจากทดสอบการใช้งานบอร์ดนี้กับ APU ซีรีส์ AMD Ryzen 8000G (ชื่อรหัส Phoenix) จากนั้นให้พิจารณา RAM รุ่นๆไหน โดยจะติดตาม SS/DS ตรวจ RAM รุ่นที่ทำการทดสอบด้านเดียวหรือสองด้านซึ่งจะแนะนำหลักในการนำเสนอข้อมูลให้เหมาะกับบอร์ดหรือเพิ่มเติม RAM รุ่นอื่น ๆ เพียงแต่ผู้ผลิตจะไม่รองรับการพิจารณาผ่านการทดสอบระดับสูงมากขึ้นอีกอีกว่าอีกว่าปัจจุบัน RAM พบกับความจุ 16GB หรือด้านล่างนั้นอาจจะเป็นด้านเดียวเกี่ยวกับ RAM ความจุมากกว่านั้นอาจจะเป็นด้านคู่

ส่วนประสิทธิภาพระหว่าง RAM แบบด้านเดียวและแบบสองด้านนั้นคือคอปกติแล้วไม่มีส่วนประกอบอื่น ๆ แต่สำหรับทฤษฎีแล้ว RAM แบบสองด้านประสิทธิภาพของคุณสมบัติที่เล็กมากจนประสิทธิภาพทั่วไปทั่วไป มองเห็นบางส่วนที่ชัดเจนระหว่าง RAM เป็นประเภทคือความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน DS RAM มี RAM และปล่อยให้ความร้อนออกมาได้ความร้อนมากขึ้นในลักษณะการสืบค้นของ RAM ดังนั้น SS RAM แบบด้านเดียวการพิจารณาในคล็อกเพื่อดูความร้อนสะสม

ช่อง

กิจกรรมการพูดถึงช่องทางในบางครั้ง RAM บทความต่างๆ CPU + สืบค้นข้อมูลใน RAM ได้กี่ช่องทางช่องทางที่มากที่สุดในปัจจุบันคือ 1 ช่อง (ช่องทางเดียว) และ 2 ช่อง (ช่องทางคู่)

ในข้อมูลใน RAM ส่วนใหญ่ช่องจะเป็นสีขาว 64 ส่วนแรกติดตั้งเป็นช่องเดียวที่เข้าถึงได้เพียงช่องเดียว แต่หากติดตั้ง RAM หลายช่องเป็นช่องคู่อินเทอร์เฟซสำหรับอินเทอร์เฟซ 2 ช่อง ส่วนแบนด์วิดท์จะใหญ่ขึ้นเป็นส่วนใหญ่จากเดิม

สำหรับการตรวจสอบการซื้อชุดที่บรรจุมาในแพ็คเกจเดียวสำหรับ RAM บนเมนบอร์ดสำหรับการตรวจสอบส่วนต่างๆของบอร์ดอีกครั้งคือช่อง RAM เพียง 2 ช่องก็ให้แต่สำหรับบอร์ดที่มีสล็อต RAM 4 ช่องแล้วผู้ผลิตจะออกแบบให้ติดตั้ง RAM แห่ง 2 และ 4 ตรวจสอบช่องซ้ายสุดที่ CPU RAM 1 ตรวจสอบก่อนตรวจสอบ RAM เพียง 1

มีข้อสังเกตเล็กน้อยเกี่ยวกับ RAM DDR5 ซึ่งมีโครงสร้างช่องสัญญาณย่อยในแผง RAM เองเป็น 2 ช่อง ซึ่งจะไม่นับรวมในช่องสัญญาณคู่ระหว่าง CPU และ RAM เนื่องจากสเปก CPU สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะมีเพียง 2 ช่องสำหรับเชื่อมต่อโดยตรงกับ RAM นอกจากนี้ การแบ่งช่องสัญญาณย่อยของ RAM ก็มีเฉพาะใน RAM เองเท่านั้น โดยแต่ละแผงจะมีชิปควบคุม ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ CPU ด้วยความกว้าง 64 บิตเช่นเดิม ดังนั้นแม้จะใช้ RAM DDR5 ระบบก็ยังจะมองว่าเป็นช่องสัญญาณคู่เช่นเดิม แต่จะได้ความหน่วงน้อยลง ประสิทธิภาพดีขึ้น และความเร็วดีขึ้น

การกำหนดเวลา / ความหน่วงเวลา CAS

ประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งของ RAM ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วของบัสเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับเวลาแฝงในการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละกระบวนการด้วย ซึ่งเรียกว่าเวลาแฝงหรือ latency ในการระบุเวลาแฝงของ RAM เราจะพบชุดตัวเลข 4 ตัวรวมกัน เช่นในตัวอย่างในรูปด้านล่าง

ซื้อแรม

โดยปกติแล้วหมายเลขเวลาและข้อมูลจำเพาะคร่าวๆ ของ RAM แต่ละแท่งจะระบุไว้บนฉลากบนบอร์ดหรือบนฮีตซิงก์ RAM เอง ในตัวอย่างเราจะเห็นว่าเป็น RAM DDR4-3200 ที่มีค่าเวลาหลักสี่ค่าคือ 16-18-18 (จริงๆ แล้วจะมีอีก 38 ค่าในตอนท้าย แต่ไม่ได้เขียนไว้) ค่าเวลาแต่ละค่าหมายถึงค่าที่แตกต่างกันดังนี้:

  • 16 = CAS Latency = จำนวนรอบที่ใช้ในการส่งที่อยู่คอลัมน์ที่จัดเก็บไว้ไปยังหน่วยความจำจนกว่าจะมีการส่งข้อมูลกลับ ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี
  • 18 = T RCD หรือ (tRCD) = จำนวนรอบสัญญาณนาฬิกาขั้นต่ำที่จำเป็นในการเข้าถึงแถวเซลล์หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลและเริ่มเข้าถึงข้อมูลในคอลัมน์ในแถวนั้น
  • 18 = T RP หรือ (tRP) = จำนวนรอบสัญญาณนาฬิกาขั้นต่ำที่จำเป็นในการออกคำสั่งเพื่อยุติการดำเนินการและย้ายไปยังแถวหน่วยความจำถัดไป
  • 38 = T RAS หรือ (tRAS) = จำนวนรอบสัญญาณนาฬิกาขั้นต่ำที่จำเป็นในการรอระหว่างการเข้าถึงข้อมูลในแถวและออกคำสั่งยกเลิกหากจำเป็น ก่อนที่จะรีเฟรชหน่วยความจำในแถว

แน่นอนว่ายิ่งตัวเลขต่ำก็ยิ่งดีเพราะหมายความว่า RAM จะทำงานเร็วมาก ดังนั้น RAM ที่มีจังหวะเวลาต่ำก็จะยิ่งแพงขึ้นเพราะต้องใช้ชิป RAM คุณภาพสูงและส่วนประกอบอื่นๆ ที่ทำงานรวดเร็วและเสถียร ส่วนคำว่า CL มักจะหมายถึง ค่า CAS หรือหลักแรกของจังหวะเวลาที่ตั้งไว้ เช่น ในรูปด้านบนจะเห็นว่าแถว RAM นี้คือ CL16 จากโรงงาน ส่วนวิธีการปรับ RAM เพื่อเพิ่มความเร็วใน BIOS/UEFI จะเน้นปรับส่วนนี้พอๆ กับการปรับความเร็วบัส นอกจากนี้ยังใช้เวลาในการทดสอบค่อนข้างนาน ทั้งการปรับค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปและทดสอบแบบวนซ้ำหลายรอบจนกว่าจะพบจุดที่เหมาะสมระหว่างความเร็วและความเสถียรในทุกการทำงาน เพราะบางครั้งความเร็วมากเกินไปจน RAM ทำงานผิดพลาดและเกิดหน้าจอสีน้ำเงินเมื่อใช้งานหนัก

เมื่อเลือก RAM หากต้องการเปรียบเทียบค่า Timing หรือ CL คุณสามารถเปรียบเทียบได้เฉพาะ RAM ที่เป็น DDR เดียวกันเท่านั้น ไม่สามารถเปรียบเทียบแบบแยกส่วนได้ เช่น DDR4 กับ DDR5 เนื่องจากยิ่งเวอร์ชัน DDR ใหม่กว่า ถึงแม้ว่าค่า Timing จะสูงกว่า แต่จะถูกชดเชยด้วยความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่าของ RAM ดังนั้น ในท้ายที่สุด หากคุณคำนวณค่า Latency จริง RAM ที่ใหม่กว่าก็จะยิ่งมีค่า Latency ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเก่า

ในภาพด้านบนจาก เว็บไซต์ CGDirector ค่าความหน่วงจริงจะคำนวณตามมาตรฐาน ด้านซ้ายคือหมายเลข CL และแถวบนคือความเร็วบัสของ RAM ตัวอย่างเช่น หากเป็น RAM DDR4 CL16 ที่ดูเหมือนจะสูงมาก แต่มีความเร็วเพียง 2133MHz ค่าความหน่วงจริงของแผง RAM นี้จะอยู่ที่ 15ns แต่ถ้าเป็น RAM ที่มีความเร็วสูงกว่า เช่น DDR4 3600MHz แต่ CL20 มีค่าความหน่วงเพียง 11.11ns ดังนั้นการดูค่า CL เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพได้ 100% เสมอไป แม้ว่าจะอยู่ใน RAM DDR เดียวกันก็ตาม

หากต้องการเลือกแรมที่ใช้งานง่ายและไม่เน้นการใช้พลังงานมาก คุณไม่จำเป็นต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้สำหรับการโอเวอร์คล็อกหรือใช้เพื่อการทำงานที่เน้นการใช้พลังงาน คุณควรดูรุ่นที่มีบัสค่อนข้างสูงและค่า CL ต่ำก่อน ในแง่หนึ่ง มันทรงพลังตั้งแต่เริ่มต้น ในอีกแง่หนึ่ง ควรเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการคัดเลือกและควรสามารถทนต่อการโอเวอร์คล็อกเพิ่มเติมได้

เอ็กซ์เอ็มพี

จากที่กล่าวมาข้างต้น ค่าเวลาของ RAM ได้รับการออกแบบมาให้ปรับได้เพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพของ RAM อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีค่าอยู่หลายค่า ผู้ใช้จึงอาจค้นหาค่าที่เหมาะสมได้ยาก และอาจทำให้ระบบไม่เสถียร หลังจากใช้งานแล้ว อาจพบหน้าจอสีน้ำเงินได้ง่าย

Intel จึงได้ออกมาตรฐานเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าการจับเวลามาตรฐาน JEDEC เพื่อช่วยรับประกันว่าการจับเวลาความเร็วบัสและแรงดันไฟฟ้าจากการปรับแต่งนี้ได้รับการทดสอบแล้ว ซึ่งก็คือ Intel Extreme Memory Profile (Intel XMP) ซึ่งจะมีโปรไฟล์ฝังอยู่ในเมนบอร์ด ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน XMP เพื่อให้ระบบจัดการการปรับค่า RAM จาก BIOS/UEFI ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องปรับแต่งเอง ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์จะสามารถทำงานได้อย่างเสถียร ไม่ต่างจากการใช้การจับเวลาและบัสเริ่มต้นของ RAM และจะไม่ส่งผลต่อการรับประกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งเองก็ยังสามารถปรับค่าจาก XMP ได้ตามต้องการ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเมนบอร์ดและระดับที่สามารถปรับแต่งได้

ซื้อแรม

แต่สำหรับคนที่ใช้ซีพียูและเมนบอร์ดบนแพลตฟอร์ม AMD ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเมนบอร์ด AMD ก็รองรับฟีเจอร์ XMP เช่นกัน แต่ก็มีโอกาสที่มันจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่ากับใช้ Intel หรืออาจจะเลี่ยงการใช้คำอื่นเพื่อสื่อสารกับผู้ใช้งานแทนก็ได้ ส่วนผู้ผลิตแรมเองในยุค Ryzen ก็มีการระบุบนผลิตภัณฑ์ของตนเองว่ารองรับ AMD Ryzen เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าแรมของตนสามารถใช้งานร่วมกับ AMD Ryzen ได้ โดยสามารถปรับค่าแรมได้แทบไม่ต่างจาก Intel XMP เลย ในยุค DDR5 จะมีการเพิ่ม AMD EXPO (Extended Profiles for Overclocking) เข้ามา ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Intel XMP มาก

ฯลฯ

ย่อมาจาก Error Correction Code เป็นฟีเจอร์ที่ตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่เก็บไว้ในหน่วยความจำโดยอัตโนมัติ โดยส่วนใหญ่พบใน RAM ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์และระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องการความแม่นยำของข้อมูลในระดับสูง เช่น เครื่องที่ต้องประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์ที่ต้องการความแม่นยำของข้อมูลในระดับสูงสุด เป็นต้น

การทำงานของระบบ ECC จะเกิดขึ้นทั้งในกระบวนการเขียนข้อมูลลงใน RAM และกระบวนการอ่านข้อมูลออก แนวคิดโดยรวมมีดังนี้:

การเขียนข้อมูลลงในแรม

  1. CPU ส่งข้อมูลที่ต้องการบันทึกไปที่ RAM
  2. RAM จะรับข้อมูลและสร้างข้อมูล ECC หรือบิตพาริตี้ (บิตข้อมูลที่ใช้ตรวจสอบความถูกต้องและข้อมูลที่ถูกต้อง) โดยการแบ่งข้อมูลและสร้าง ECC เป็นชุด
  3. เขียนข้อมูลที่ได้รับและบิต ECC ลงใน RAM

การอ่านข้อมูลจากแรม

  1. ชิปตัวควบคุมรับคำสั่งจากซีพียูหรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพื่อดึงข้อมูลจากแรม
  2. ตัวควบคุมสร้างข้อมูล ECC จากข้อมูลจริงที่เก็บอยู่ใน RAM ในปัจจุบัน
  3. เปรียบเทียบ ECC ที่สร้างขึ้นใหม่ของชุดข้อมูลแต่ละชุดในขณะนั้นกับ ECC ของชุดข้อมูลเดียวกันที่เก็บไว้นับตั้งแต่ข้อมูลถูกเขียนลงใน RAM
  4. ถ้าตรงกันก็ส่งข้อมูลออกไปได้ ถ้าไม่ตรงกันก็ต้องแก้ไขข้อมูลใหม่ก่อนแล้วจึงส่งออกไป

ในความเป็นจริงมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในการสร้าง ECC เมื่อเขียนข้อมูลและจัดเก็บ ECC ลงใน RAM เช่น การจัดเก็บทั้งข้อมูลจริงและ ECC ไว้ด้วยกันหรือจัดเก็บทั้งสองอย่างแยกกัน เป็นต้น

ข้อดีของการมีระบบ ECC คือความแม่นยำของข้อมูลจะสูงกว่า RAM ทั่วไป แต่ในทางกลับกันก็มาพร้อมกับประสิทธิภาพและความเร็วที่ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากต้องใช้เวลาในการสร้างและตรวจสอบ ECC รวมถึงความจำเป็นในการแก้ไขข้อมูลก่อนส่งออกไป จึงอาจไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงในการส่งและรับข้อมูลจำนวนมากไปยัง RAM แทบตลอดเวลา เช่น การเล่นเกมหรือการตัดต่อวิดีโอ

สำหรับ RAM DDR5 นั้นมีความพิเศษกว่ารุ่นก่อนหน้าตรงที่มีระบบ ECC ในตัว แต่แตกต่างกันตรงที่ทำงานในระดับชิป RAM เท่านั้น จุดประสงค์คือเพื่อตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องภายในระดับชิป RAM ซึ่งเรียกว่า On-die ECC กระบวนการเขียนข้อมูลยังคงใช้การส่งข้อมูลโดยตรงจากแหล่งที่มาผ่านตัวควบคุม RAM อย่างไรก็ตาม เมื่อจัดเก็บข้อมูลในชิป RAM ข้อมูล ECC จะถูกสร้างขึ้นและจัดเก็บร่วมกันแทนเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นที่ระดับเซลล์หน่วยความจำ การอ่านข้อมูลนั้นคล้ายกัน แต่กระบวนการตรวจสอบ ECC จะเกิดขึ้นภายในชิป RAM แทน หากผ่าน ข้อมูลจะถูกส่งไปยังตัวควบคุมและส่งไปยังปลายทางทันที ไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม จุดประสงค์คือเพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและเพิ่มความจุของ RAM โดยปกติ ยิ่งความจุสูงขึ้น พื้นที่จัดเก็บต่อชิปก็จะยิ่งหนาแน่นขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล การเพิ่ม On-die ECC เข้ามาก็เพื่อป้องกันปัญหานี้โดยตรง อย่างไรก็ตาม RAM DDR5 ที่มี ECC ทั่วไปก็มีอยู่เช่นกัน จะเรียกว่า RAM ECC 2 ชั้นก็ไม่ผิดนัก

สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เช่น เล่นเกม เล่นเน็ต หรือทำงานหนักๆ แนะนำให้ใช้ RAM ที่ไม่ต้องใช้ ECC เพราะหากต้องการใช้ RAM แบบ ECC เมนบอร์ดเองก็จะต้องรองรับด้วย ซึ่งจะเป็นบอร์ดสำหรับเซิร์ฟเวอร์ และแน่นอนว่าเมื่อซื้อ RAM ก็ควรเลือกแบบปกติที่ไม่มี ECC

รับประกันตลอดอายุการใช้งาน

ผมเชื่อว่าคำๆ นี้จะเป็นคำอมตะคำหนึ่งในวงการไอที ด้วยการรับประกันตลอดชีพ ซึ่งก่อนหน้านี้มักเข้าใจผิดว่าเป็นการรับประกันตลอดชีพสำหรับผู้ใช้ แม้ว่าจะพังหลังจากใช้งานไป 20 ปีก็ยังเรียกร้องได้

แต่ในความเป็นจริง อายุการใช้งานในบริบทนี้เกือบทั้งหมดหมายถึงอายุการใช้งานของรุ่นผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ว่าผู้ผลิตจะผลิต ขาย และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของตนต่อไปนานแค่ไหน หากสายการผลิตถูกปิดลงและหยุดการจัดเก็บสินค้า กรณีนี้อาจส่งผลต่อการรับประกันของผลิตภัณฑ์ที่ขายไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องได้ ตัวอย่างเช่น หากฉันมี RAM DDR2 ที่เสียและต้องการเรียกร้องกับผู้ผลิต ก็สามารถส่งคืนได้เช่นกัน เนื่องจาก RAM DDR2 ไม่ใช่ของใหม่ในตลาดและผ่านวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปแล้ว จึงจะหมดประกันโดยค่าเริ่มต้น มากที่สุดที่คุณทำได้คือส่งไปซ่อมโดยมีค่าธรรมเนียม

ดังนั้นหากพบสินค้าการรับประกันตลอดอายุการใช้งานตามปกติการรับประกันส่วนใหญ่เป็นการตรวจสอบตลอดอายุการใช้งานของสินค้าจากผู้ผลิตเท่านั้นซึ่งปกติแล้วจะมีสักระยะหนึ่งหลังจากรุ่นใหม่ตรวจสอบการตรวจสอบนั้นจะต้องสอบถามจากผู้จำหน่ายตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนและผู้ผลิตโดยตรงเนื่องจากแล้วจะไม่มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ

Khaotv.online

Scroll to Top